เที่ยวทะเลสาบอะคัง Akan ฤดูร้อน แบบไม่ขับรถ (ฉบับ 3 วัน 2 คืน)

สำหรับท่านใดที่มีแพลนมาเที่ยวฤดูร้อนในแถบฮอกไกโดตะวันตก ทะเลสาบ Akan เป็นที่ๆแนะนำมากสำหรับทุกๆท่านค่ะ โดยเฉพาะสำหรับท่านที่ชื่นชอบการแช่น้ำแร่ออนเซ็นในแบบฉบับญี่ปุ่น

Akan (อะคัง) เป็นเมืองออนเซ็นยอดฮิตที่ติดริมทะเลสาบ เปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมตามแบบฉบับของชาวไอนุ ชนกลุ่มน้อยพื้นเมืองดั้งเดิมที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะฮอกไกโด

บทความนี้จึงเป็นไกด์ไลน์แนะนำการมาเที่ยว Akan โดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในฤดูร้อน ส่วนสำหรับท่านที่มาในฤดูหนาว อย่าลืมเข้าไปเยี่ยมชม “บทความฤดูหนาว” แทนนะคะ

- เรียบเรียงภาษาไทยโดยทราย (เพื่อนยูกะ)

Useful Resources

✨Planning a trip? Grab my Eastern Hokkaido Travel Planner

✨Stuck in your trip planning? Ask for my Local Expert Advice

What We’ll Cover Here

วันที่ 1 - มุ่งหน้าสู่ Akan

การเดินทางมายังเมือง Akan

สนามบินที่ใกล้ที่สุดจาก Akan คือสนามบิน Kushiro Airport (สนามบินคุชิโระ) ซึ่งจะสามารถนั่งรถ Shuttle bus จากสนามบินตรงมาที่นี่ได้ รถนั้นก็คือ Akan Airport Liner โดยจะใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น และจะมีรอบรถหลังจากที่ทุกๆไฟลท์ลงเครื่องบินที่สนามบินนี้ค่ะ สำหรับราคาตั๋วก็จะอยู่ที่ 2,150 เยน/เที่ยวเท่านั้น (1,080 เยน/เที่ยว สำหรับเด็ก) แต่สำหรับท่านใดที่แวะพักในเมือง Kushiro แล้วสนใจนั่งรถบัสจากสถานี JR Kushiro Station ก็ย่อมทำได้เช่นกันนะคะ มีรถมาที่นี่เช่นกันค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงไล่เลี่ยกันเลยค่ะ

ที่พักแนะนำใน Akan (WHERE TO STAY IN AKAN)

ที่พักแนะนำดังต่อไปนี้ เราจะแนะนำโรงแรมที่เน้นการแช่ออนเซ็นแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ เพื่อให้ทุกท่านได้ดื่มด่ำกับน้ำพุร้อนและมื้ออาหารสุดวิเศษ จนไปถึงบุฟเฟต์ เราจึงมีโรงแรมที่อยากบอกต่อดังนี้ค่ะ

1. AKAN YUKU NO SATO TSURUGA LAKE AKAN

Photo: Tsuruga

โรงแรมแรกที่แนะนำนี้ นอกจากจะอยู่ใน Michelin Guide Hokkaido แล้ว โรงแรมยังมีห้องพักหลายรูปแบบที่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตามสไตล์การท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน อาทิ ห้องพักญี่ปุ่นสไตล์เรียวกัง ห้องพักสไตล์ตะวันตกแบบที่เราคุ้นเคย หรือจะเป็นการผสมผสานความลงตัว ซึ่งในแต่ละห้องก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะจองห้องแบบที่มีออนเซ็นในตัวหรือไม่

ทั้งนี้ ในส่วนของออนเซ็นในส่วนกลางของโรงแรมแล้ว หากท่านใดได้มีโอกาสไปใช้บริการ ก็จะสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบได้จากหลายๆมุม รวมถึงทางโรงแรมก็ยังมีห้องออนเซ็นส่วนตัวให้จองในรูปแบบของหมู่คณะหรือครอบครัวอีกด้วยค่ะ

Photo: Tsuruga

โรงแรมที่สองเหมาะสำหรับท่านที่ใส่ใจสุขภาพเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เมนูเบุฟเฟต์อาหารคลีนแบบเน้นผัก จนไปถึงการดูแลผิวกายด้วยเซาว์นาหินร้อนแบบธรรมชาติ ซึ่งสร้างความผ่อนคลายเป็นอย่างมาก อีกทั้งตัวโรงแรมยังตกแต่งด้วยศิลปะแบบไอนุ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย สุดท้ายนี้รูปปั้นไม้ที่จัดแสดงโชว์ให้ดูที่ล็อบบี้ก็ยังถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของที่นี่ค่ะ

Photo: Tsuruga

โรงแรมสุดท้ายที่จะแนะนำในบทความนี้จัดเป็นสถานที่พิเศษสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ภายในห้องพักทั้ง 25 ห้องมีออนเซ็นส่วนตัวที่ช่วยให้ท่านสามารถดื่มด่ำไปกับวิวที่สวยงามของทะเลสาบ แต่หากท่านใดสนใจการแช่ออนเซนแบบญี่ปุ่นแท้ๆแล้ว โรงแรมก็มีออนเซนสาธารณะและซาวนาหินร้อนให้ท่านได้มาใช้บริการพร้อมเพื่อนๆของท่านอีกเช่นเดียวกัน สำหรับอาการเย็นนั้นจะผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล มีความหลากหลายตั้งแต่อาหารทะเลจนไปถึงผักผลไม้ต่างๆให้ได้ลิ้มรส อีกทั้งยังมีบาร์เลานจ์และสปาเท้าให้บริการสำหรับลูกค้าทุกๆท่าน เพื่อสัมผัสบรรยากาศความเหนือระดับแบบฮอกไกโด โรงแรมแห่งนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่อายุมากกว่า 13 ปีขึ้นไป

วันที่ 2 - 5 กิจกรรมกลางแจ้งที่แนะนำ

ทะเลสาบ Akan ตั้งอยู่ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ อะคังมะชุ (Akan Mashu National Park) ซึ่งรายล้อมไปด้วยหุบเขาและทะเลสาบ ทำให้ทุกท่านสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้มากมายภายในอุทยาน โดยเฉพาะในฤดูร้อนนี้ ทางเราจึงคัดสรร 5 กิจกรรมแนะนำที่เป็นที่นิยมมาให้พวกท่านได้นำไปลองตามความชอบของทุกๆท่านค่ะ

1. เดินป่าขึ้นเขา

หากท่านเป็นสายลุย ชอบปีนเขา เดินป่าแล้วล่ะก็ การเลือกมา hiking ที่ Akan ก็นับว่ามาถูกทางแล้วค่ะ ตัวผู้เขียนเองเคยได้ลองเดิน route นี้” ซึ่งจะพาท่านลุยป่า ทะลุผ่านทะเลสาบอะคัง เข้าไปยังบ่อโคลนภูเขาไฟที่เรียกเป็นภาษาไอนุว่า “บกเกะ (Bokke)” ซึ่งมีความหมายว่า “จุดเดือด (boiling place)” โดยทุกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องควันพิษจากภูเขาไฟ เพราะในทุกๆจุดที่อุทยานได้พาท่านเดินในเส้นทาง จะมีการแจ้งเตือนอยู่เป็นระยะๆ โปรดสังเกตุการแจ้งเตือนและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อท่านและคนรอบข้าง เท่านี้ท่านก็จะสนุกไปกับการ hiking ที่ Akan แล้วค่ะ

สำหรับเส้นทางนี้ใช้เวลาไปกลับทั้งหมด 2.5 ชม. กับระยะทางทั้งหมด 4 กม. ซึ่งจุดเริ่มต้นและจุดจบของเส้นทางก็จะอยู่ที่ ลานสกีของทะเลสาบอะคัง (Lake Akan Skii Area) โดยท่านสามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานฯเลยค่ะ ส่วนสำหรับท่านใดที่พักในตัวเมืองอะคังก็จะต้องเดินประมาณ 20 นาที หรือนั่งแท็กซี่ประมาณ 3 นาทีเพื่อลงที่จุดลานสกีของทะเลสาบอะคัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มทริปเดินเขาของเรานั่นเอง

2. เส้นทางธรรมชาติสู่ BOKKE NATURE WALK

หากต้องการเยี่ยมชมบกเกะ (Bokke) ด้วยทางที่สั้นกว่าและไวกว่าแล้วนั้น สามารถใช้เส้นทางจากจุดศูนย์กลางของทะเลสาบอะคังได้เลย ซึ่งจะเริ่มจุดหมายจากท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ตรงไปสู่จุดชมบกเกะ (Bokke) โดยเส้นทางนี้กินระยะทางทั้งหมด 1.5 กม. ซึ่งจะเดินเรียบทะเลสาบประมาณ 15 นาที หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตบกเกะแล้ว ท่านก็สามารถกลับโดยใช้เส้นทางเดิมหรือจะกลับผ่านพิพิฒภัณฑ์นิเวศธรรมชาติอะคัง (Akan Eco Museum Center) ในตัวเมืองก็ได้เช่นกัน สามารถดูแผนที่เส้นทางได้จากแผนที่ฉบับนี้ ระยะเวลาทั้งหมดของการเดินทางลัดด้วยเส้นทางนี้จะใช้เวลาแค่ราวๆ 45 นาทีเท่านั้น

3. เดินป่าเน้นๆ (FOREST WALK TOUR)

Photo: SIRI

สำหรับท่านที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวสายธรรมชาติ เน้นเดินชิลล์ ชมวิว ทางมูลนิธิมาเอดะ อิปโปะเอ็น (Maeda Ippoen Foundation) ได้สงวนไว้เพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ การท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องมีการนำเที่ยวเท่านั้น ซึ่งในที่นี้ SIRI ได้จัดบริการนำเที่ยวให้ท่านสู่แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติในป่า ดื่มด่ำไปธรรมชาติที่สวยงาม ตามไปชมในเว็บไซต์ได้ “ที่นี่” (กรุณาเลือกหน้าเว็บไซต์ภาษาอังกฤษและเลือกไกด์นำเที่ยวที่พูดภาษาอังกฤษได้เพื่อความสะดวกของตัวท่าน)

4. ตกปลาฟินๆ

Photo: SIRI

สำหรับท่านที่ชื่นชอบการตกปลา Akan ก็เป็นอีกหนึ่งที่แนะนำในภูมิภาคนี้สำหรับการตกปลา ซึ่ง SIRI ก็มีทัวร์ตกปลามานำเสนอ และทัวร์นี้เองก็จะนำท่านสู่ทั้งทะเลสาบอะคังและแม่น้ำอะคัง ตกปลากันแบบเน้นๆเต็มวัน จองได้ทั้งวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่หากท่านใดเวลาไม่เพียงพอ ทัวร์ครึ่งวันที่ใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงก็มีให้บริการเช่นกัน (กรุณาเลือกหน้าเว็บไซต์ภาษาอังกฤษและเลือกไกด์นำเที่ยวที่พูดภาษาอังกฤษได้เพื่อความสะดวกของตัวท่าน)

5. ปั่นจักรยานชิคๆ

สำหรับท่านที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานชมเมือง การเช่าจักรยานไฟฟ้าปั่นในราคาเพียง 5,500 เยน/วัน ก็สามารถทำให้ท่านเที่ยวไกลจากเมืองได้แบบไร้กังวล ซึ่งที่ๆเราจะแนะนำให้ท่านปั่นไปก็คือทะเลสาบอนเนะโตะ (Lake Onneto) ซึ่งอยู่ห่างจาก Akan ไปเพียง 20 กม.เท่านั้น และยังเป็นที่เที่ยวลับที่ถูกขนานนามว่า ทะเลสาบ 5 สี เพราะว่าสีของน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวันและสภาพอากาศในวันนั้นๆ อีกทั้งทิวทัศน์ของทะเลสาบ Onneto ยังล้อมรอบไปด้วยภูเขาสองลูกและป่าที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การถ่ายรูปเก็บบรรยากาศนี้ไว้เป็นที่ระลึกในความทรงจำ

วันที่ 3 - สนุกให้ถึงวินาทีสุดท้าย

LAKE AKAN FERRY

ส่งท้ายทริปที่ Akan ด้วยการนั่งเรือเฟอร์รี่รอบทะเลสาบอะคังก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ไม่ควรพลาดค่ะ เรือนี้จะนำท่านไปยังเกาะเล็กๆที่พวกท่านจะมีเวลา 15 นาทีในการชม มาริโมะ (Marimo) และวิวอันสวยงามของทะเลสาบนี้จากจุดที่สวยที่สุด

สำหรับมาริโมะ (Marimo) นั้นเป็นชื่อเรียกของ มอสเขียวทรงกลมคล้ายลูกบอลที่ฝังรากอยู่ในทะเลสาบอะคังแห่งนี้ บางครั้งลูกกลมๆนี้ก็อาจจะใหญ่ได้ถึง 20-30 ซม.เลยทีเดียว ซึ่งจัดว่าใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก แทบหาชมที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว มาริโมะนี้จึงเป็นจุดขายของที่นี่ และถูกนำมาทำเป็นของฝาก ตั้งแต่ขนม ไปจนถึงเครื่องเขียน โดยการเรือเฟอร์รี่จะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 85 นาที และราคา 2,000 เยน/คน เรือออกทุกชั่วโมงในแต่ละวันตั้งแต่ 8:00~16:00 (ยกเว้นตอนเที่ยงในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น)

หมู่บ้าน AINU KOTAN

ก่อนที่จะจากลาทะเลสาบอะคัง อย่าลืมไปเยี่ยมชมหมู่บ้านไอนุโคตัน (Ainu Kotan) ที่อยู่ห่างจากถนนไปแค่หนึ่งซอยเท่านั้น

ชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนเกาะฮอกไกโด ไอนุโคตัน (Ainu Kotan) จึงหมายถึง ชุมชนชาวไอนุ ในภาษาของพวกเขา โดยทะเลสาบอะคังเป็นบ้านที่มีชาวไอนุอาศัยอยู่ถึง 120 คนและเป็นชุมชนไอนุที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด และในที่แห่งนี้ ท่านจะได้พบกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวไอนุ ที่ถูกจัดแสดงมาในพิพิฒภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งงานฝีมือที่นำมาวางขายเป็นของฝากให้ท่านได้ติดไม้ติดมือกลับบ้าน

Useful Resources

✨Traveling to Eastern Hokkaido? Grab my Eastern Hokkaido Travel Planner

✨Stuck in your trip planning? Ask for my Local Expert Advice